เรื่องราวของเฮเฟเล่

Adolf Häfele รักษาบริษัทให้ปลอดภัยและไร้ซึ่งความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ความยากแค้นในประเทศก็มีมากขึ้น อีกแง่หนึ่งนั้น การฟื้นฟูทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ช่างไม้เพิ่มขึ้น บริษัทจึงเติบโตขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1946 Walther Thierer ซึ่งเป็นหลานของตระกูล Häfele ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำขับเคลีอนบริษัท

ในเดือนตุลาคม ปี 1948 เฮเฟเล่ฉลองการก่อตั้งครบ 25 ปี ในเวลานั้น บริษัทมีการดำเนินการอย่างยอดเยี่ยม: มีพนักงานทั้งสิ้น 29 คน และยอดขายได้พุ่งขึ้นเกือบถึงสองล้านดอยท์ช์มาร์ค

Adolf Häfele ผู้ก่อตั้ง เสียชีวิตลงในปี 1949 เพียงสี่ปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ในระหว่างช่วงการฟื้นฟู Walther Thierer ผู้เป็นหลานชายวัย 26 ปี ได้ก้าวเข้ามาทำหน้าที่รับผิดชอบบริษัท และได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของครอบครัว Häfele และThierer

ปี 1950 เริ่มต้นด้วยความเลวร้ายที่กลายเป็นดีในที่สุด: ในคืนของวันปีใหม่ เกิดเพลิงไหม้ทำลายอาคารของบริษัท แต่ Walther Thierer ก็จัดการอย่างรวดเร็ว: ในตอนแรกนั้น การขายของริมถนนทำให้บริษัทฝ่าวิกฤตไปได้ และได้เปิดดำเนินกิจการขึ้นอีกครั้งในอาคารที่สร้างขึ้นชั่วคราว ในขณะเดียวกันนั้น ได้มีการวางศิลาฤกษ์สำหรับสำนักงานใหญ่ในปัจจุบันที่เมืองนาโกลด์ อาคารหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยสำนักงานและคลังสินค้า บนเนื้อที่ 2,500 ตารางเมตร

ในเดือนเมษายน ปี 1954 เฮเฟเล่ได้เริ่มการผลิตอุปกรณ์พิเศษสำหรับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และตะแกรงทองเหลืองด้วยตนเอง ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จนต้องขยายพื้นที่การผลิตเพิ่มอีกหลายเท่า

ในปีแห่งยุคเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เฮเฟเล่ผลิตเพื่อตลาดในประเทศก่อนเป็นอันดับแรก

แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาว่าเมื่อไหร่จะเปิดทำการในต่างประเทศอีกครั้ง เฮเฟเล่ใช้บรรยากาศของยุคเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจในช่วงปี 60 ให้เกิดประโยชน์ และได้ก่อตั้งสาขาย่อยต่างประเทศขึ้นแห่งแรกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1964

ในเมืองนาโกลด์ได้มีการก่อตั้งฝ่ายการส่งออก และบริษํทได้จับมือกับ Häfele France GmbH & Co. ตั้งบริษัทขายของตนเองขึ้นสำหรับฝรั่งเศส

การเดินทางของผู้บุกเบิกชาวนาโกลด์ได้ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และแล้วนิทรรศการเคลื่อนที่นิทรรศการแรกของเฮเฟเล่ก็ออกเดินทาง ในปีต่อ ๆ มา รถบัสถูกใช้เป็นบูธสำหรับงานนิทรรศการในต่างประเทศด้วยเช่นกัน

เอกสารอ้างอิงเล่มแรกสำหรับอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ "The Complete Häfele" ได้ปรากฏโฉมขึ้นเป็นครั้งแรก

The Complete Häfele ไม่เพียงนำเสนอสินค้ามากกว่า 25,000 รายการเพื่อการซื้อเท่านั้น แต่ยังมีภาพวาดและคำแนะนำในการประกอบอย่างละเอียดช่วยผู้อ่านด้วย จึงถือว่าเป็นเอกสารที่ไม่ได้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น แต่ยังนับว่าเป็นหนังสือเรียนด้วยเช่นกัน

รถบัสคันใหญ่สำหรับการแสดงนิทรรศการของเฮเฟเล่ เดินทางครบ 12,000 ไมล์ทั่วศูนย์เฟอร์นิเจอร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของเฮเฟเล่ในสหรัฐอเมริกา: ในปี 1973 บริษัท Häfele America Co. ถูกก่อตั้งขึ้น

ในประเทศอื่น ๆ นั้น นิทรรศการเคลื่อนที่ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน และบ่อยครั้งที่เป็นก้าวแรกของการเปิดตลาด ต้นช่วงปี 70 เฮเฟเล่ มีส่วนแบ่งการส่งออก 40 เปอร์เซ็นต์ และนับว่าเป็นผู้บุกเบิกและผู้ก่อตั้งให้ประเทศเยอรมนีเป็นชาติแห่งการสงออก

มีการพิมพ์เผยแพร่ "Der Große Häfele" เป็นภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ "The Complete Häfele" ภาษาฝรั่งเศสภายใต้ชื่อ "Le Grand Häfele" และภาษาสเปนภายใต้ชื่อ "El Gran Häfele"

ในปัจจุบันนี้ เอกสารอ้างอิงที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เล่มนี้ ได้ถูกตีพิมพ์ถึง 24 ภาษา และมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ กัน ทั้งยังมีเล่มที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละประเทศด้วย

เฮเฟเล่ตั้งฝ่ายพัฒนาของตนเองขึ้น บริษัทเป็นที่รู้จักกันดีในช่วงเวลาอันสั้นเนื่องจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นวัตกรรมใหม่ และยังส่งอิทธิพลต่อการผลิตเฟอร์นิเจอร์อย่างยั่งยืนด้วยทางออกที่มีประสิทธิภาพ

ในปีเดียวกันศูนย์การจัดส่งที่นาโกลด์ก็พร้อมดำเนินงาน และนับว่าเป็นพื้นฐานสำหรับบริการโลจิสติกส์ของเฮเฟเล่ ด้วยชั้นวางสินค้าทรงสูง และการเริ่มดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับราง เฮเฟเล่ในสมัยนั้นจึงกลายเป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

เฮเฟเล่ก่อตั้งสาขาย่อยต่างประเทศแห่งที่สามขึ้นในสหราชอาณาจักร จากนั้นก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว: โดยมีการก่อตั้งสาขาในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น... เป็นช่วงบูมสำหรับการก่อตั้งอย่างแท้จริง

ในปัจจุบันไม่มีทวีปไหนที่เฮเฟเล่ไม่มีสาขาย่อยของตนเองอย่างน้อยหนึ่งสาขา หรือไม่มีสำนักงานขาย

ในปี 1982 Hans Nock หัวหน้าฝ่ายการส่งออกตั้งแต่ยุค 60 ได้ก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัท และกลายมาเป็นกลไกขับเคลื่อนของบริษัทเฮเฟเล่ในต่างประเทศ การเติบโตเป็นไปอย่างจริงจังและมาจากพลังของธุรกิจครอบครัว ส่วนแบ่งการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 70 เปอร์เซ็นต์

เฮเฟเล่ได้กลายมาเป็นผู้แก้ปัญหาในหลายกรณี เนื่องจากมีความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า ตัวอย่างเช่น การถือกำเนิดของเทคโนโลยีตัวต่อ Minifix ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ โดยเป็นระบบที่ใช้หลักการลูกบอลที่จุดกึ่งกลาง ซึ่งเฮเฟเล่เป็นผู้คิดค้นขึ้น Minifix ที่มีรูปทรงบอบบาง ได้ปฏิวัติวงการนี้ และเร่งให้มีการพัฒนาเฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบได้ ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดขึ้นใหม่

ทุกวันนี้ Minifix จำนวน 500 ล้านชิ้น พร้อมแบบต่าง ๆ 30 แบบ ได้ถูกผลิตขึ้นในโรงงานผลิตของเฮเฟเล่ที่เบอร์ลิน

เฮเฟเล่ยึดมั่นในความใกล้ชิดกับลูกค้าตั้งแต่แรกเริ่ม การเยี่ยมชมพันธมิตรในสถานที่ และการพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัว เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 1985 ยังได้มีการลงทุนก่อสร้างสำนักงานขายขึ้นในเยอรมนี หนทางไปยังลูกค้าที่สั้นลง หน่วยการขายที่เล็กลง และการติดต่อแบบส่วนตัว มีชื่อเรียกตั้งแต่วันนี้ว่ามอตโต้ ห้องจัดแสดงนิทรรศการในตัวทำให้การเยี่ยมชมสำนักงานขายมีความน่าสนใจและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

มีการขยายสำนักงานใหญ่ที่เมืองนาโกลด์ด้วยเช่นกัน บนเนื้อที่กว้าง 5,000 ตารางเมตร ที่อยู่ติดกัน เฮเฟเล่ได้สร้างอาคารใหม่ขึ้น ณ บ้านเลขที่ 1 ถนน Adolf-Häfele

ในวันนี้ อาคารที่ได้รับรางวัลหลังนี้ประกอบด้วยโชว์รูมทันสมัย ห้องประชุม สำนักงาน ศูนย์ข้อมูล รวมทั้งเวิร์กช็อปทดลอง ณ สำนักงานใหญ่ จะมีการพัฒนากลยุทธ์ คัดสรรกลุ่มผลิตภัณฑ์ และเก็บบันทึกเป็นเอกสาร ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางระบบสารสนเทศ ซึ่งเป็นที่ที่ควบคุมบริษัทจัดจำหน่ายทั่วโลก

คลื่นการก่อตั้งบริษัทใหม่ปกคลุมไปทั่วทั้งทวีปอเมริกา จุดเริ่มต้นคือสาขาในเม็กซิโก ในปี 1997 ตามด้วยบราซิลในปี 1998 อาร์เจนติน่าในปี 1999

ในระหว่างปลายยุค 90 และต้นสหัสวรรษใหม่ ได้มีการเข้าถึง "จุดที่ไม่มีเฮเฟเล่" จุดสุดท้ายบนแผนที่ยุโรปตะวันตกบริษัทจึงเบนเข็มไปยังยุโรปตะวันออกและจีน ในปี 2002 เฮเฟเล่ก่อตั้งบริษัทสาขาแห่งแรกของยุโรปตะวันออกขึ้นที่โปแลนด์ ตามมาด้วยตุรกีและจีนในปี 2005 รัสเซียในปี 2006 ยูเครนและโรมาเนียในปี 2009 และคาซัคสถาน เซอร์เบีย และเช็ก ในปี 2010

Sibylle Thierer บุตรสาวของ Walther Thierer เข้ามารับหน้าที่เป็นรุ่นที่สาม ในยุคต้นสหัสวรรษใหม่

เป็นผู้ปูทางไปสู่ความทันสมัย โดยมุ่งเน้นการใช้แนวคิดและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกการตัดสินใจ

ตั้งแต่ปี 2006 การบริการงานโครงการแบบ 360° รวมทั้งเหล่าสถาปนิก นักลงทุน และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ล้วนเป็นพื้นฐานที่ทำให้ธุรกิจของเฮเฟเล่ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น โดยครอบคลุมถึงการจัดซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ของงานโครงการที่ไม่ขึ้นกับผู้ผลิต, กลุ่มผลิตภัณฑ์ "Star Tec", ระบบล็อคอิเลคทรอนิกส์ "ไดอะล็อค", คู่มือการวางแผนที่หลากหลาย และการประสานงานโครงการในระดับนานาชาติผ่านผู้จัดการงานโครงการของเฮเฟเล่

เฮเฟเล่ท้าทายเส้นทางใหม่ ๆ ด้วยกลยุทธ์การตลาด "The Innovator of Functionality" "Functionality" ได้กลายมาเป็นตราแห่งคุณภาพ ซึ่งโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่เหมาะสมสำหรับวิธีแก้ไขปัญหาของช่างต่อตู้และโต๊ะ รวมทั้งช่างไม้ ในปีเดียวกันนั้นเอง ได้มีการเปิดนิทรรศการ "Functionality World" ขึ้นที่เมืองนาโกลด์ สองปีต่อมา นิตยสาร "Häfele Home" ฉบับแรกก็เผยโฉมออกมา พร้อมแนวคิดเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์และแนวคิดการอยู่อาศัยนวัตกรรมใหม่ นิตยสารฉบับนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ออกแบบ สถาปนิก รวมทั้งช่างต่อตู้และโต๊ะ และช่างไม้

ต่อจากการบริการงานโครงการแบบ 360° ในการก่อสร้าง เฮเฟเล่ได้รวมการขายเข้ากับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ไว้ในบริษัทจัดจำหน่ายนานาชาติของ Häfele Engineering GmbH & Co KG ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่  โดยเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นเฉพาะความต้องการของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ตามห่วงโซ่คุณค่ารวมเท่านั้น

เฮเฟเล่ ก่อตั้งมานานกว่า 96 ปี เป็นผู้นำระดับโลกในด้านอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และระบบล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ เฮเฟเล่มีพนักงานมากกว่า 7,600 คนใน บริษัท ย่อย 37 แห่งและตัวแทนอื่น ๆ อีกมากมายทั่วโลก

รู้จักเฮเฟเล่ให้มากขึ้น

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ โปรไฟล์บริษัท

ดูวิดีโอ 25 ปีเฮเฟเล่ไทยแลนด์